|
รายละเอียดการเดินทาง |
วันแรก | หาดใหญ่-เที่ยวปีนัง-พักปีนัง |
06.00 น. | รับคณะที่สนามบินหาดใหญ่ หรือในตัวเมืองหาดใหญ่ จากนั้นเดินทางสู่ ด่านสะเดา |
07.00 น. | เมื่อเดินทางถึง ด่านสะเดา ฝั่งประเทศไทย จากนั้นลงทะเบียน เพื่อรับเอกสารผ่านด่าน และเตรียมตัวยื่นเอกสารผ่านด่านฝั่งประเทศไทย |
จากนั้น | เมื่อท่านผ่านด่านฝั่งไทยมาแล้ว จะมีรถบัสมาเลเซีย ขนาด 40 ที่นั่ง รอรับท่านเพื่อพาท่านเดินทางสู่ด่านจังโหลน หรือ Bukit Kayu Hitam ฝั่งประเทศมาเลเซีย |
เมื่อ | ผ่านด่านฝั่งมาเลเซียพาท่านเดินทางสู่ เกาะปีนัง ซึ่งระยะทางจากฝั่งด่านมาเลเซียประมาณ 200 กิโลเมตร |
เมื่อ | เดินทางถึง ปีนัง พาท่านนั่งรถผ่าน สะพานข้ามปีนัง ระยะทาง 13. กิโลเมตร ซึ่งเป็นสะพานที่ใช้เชื่อมต่อระหว่างฝั่ง Butterworth กับฝั่ง George Town บนเกาะปีนัง เมื่อเดินทางถึงปีนัง ให้ท่านได้เที่ยวจุดต่างๆ ดังนี้ 1.วัด Kek Lok Si หรือคนไทยเรียกว่า วัดเขาเต่า ตื่นตาตื่นใจกับความอลังการของพระพุทธรูป 10,000 องค์ที่แกะสลักในเจดีย์ยักษ์ หรือเลือกซื้อของที่ระลึกที่ตลาดอันคึกคักในวัดพุทธที่ใหญ่ที่สุดในปีนัง "วัดเขาเต่า" ตั้งอยู่ที่เนินเขา Air Itam จอร์จทาวน์ ปีนัง ประเทศมาเลเซีย คำว่า "Kek Lok Si" นั้น มีความหมายว่า "วัดความสุขสูงสุด" ในอดีตนั้นมีความเชื่อว่า สถานที่แห่งนี้เป็นฮวงจุ้ยที่ดีเหมาะแก่การสร้างวัด เพราะว่าตั้งอยู่บนเนินสูงที่โดดเด่น สามารถมองเห็นแต่ไกลจากเมืองจอร์จทาวน์ มีพื้นที่ 120,000 ตารางเมตร |
2.วัดไทยและวัดพม่าที่ปีนัง เป็นวัดที่อยู่ตรงข้ามกันในประเทศมาเลเซีย ซึ่งดูสวยงามและเป็นที่สักการะของคนทั้ง 2 ชาติรวมถึงชาวมาเลเซียที่นับถือเองด้วย ชมวัดไทยหรือไชยมังคลาราม เป็นวัดไทยสร้างตั้งแต่ พ.ศ. 2388 สร้างโดย East India Company ซึ่งเป็นบริษัทการค้าของอังกฤษ ในนามสมเด็จพระราชินีวิคตอเรีย เนื่องจากมีคนไทยและคนไทยเชื้อสายจีนในภูเก็ต ได้เดินทางมาทำการค้าขายในเกาะปีนังเป็นจำนวนมาก และในเกาะปีนังเองก็มีคนจีนแผ่นดินใหญ่ที่นับถือศาสนาพุทธ อยู่เป็นจำนวนมากเช่นเดียวกัน จึงได้สร้างวัดขึ้นมา เพื่อเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวพุทธ วัดไชยมังคลาราม นับเป็นวัดไทยที่เก่าแก่ที่สุดในปีนังและมีพระพุทธไสยาสน์ที่ยาวที่สุดในมาเลเซีย เป็นอีกวัดทีไม่ควรพลาด วัดนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ 9 เสด็จฯ เยือนเพื่อประกอบพิธีเปิด (ไหมคลุม) ดวงเนตรพระพุทธรูปปางไสยาสน์ และพระราชทานนามพระพุทธรูปองค์นั้นว่า พุทธชัยมงคล พร้อมทั้งทรงบริจาคเงินบำรุงพระอารามอีกด้วย จึงถือเป็นสัญลักษณ์ของการเชื่อมโยงสายใยของประชาชนทั้งสองประเทศเป็นอย่างดี ซึ่งการเสด็จฯ เยือนครั้งนี้ยังคงถูกบันทึกไว้ในความทรงจำของประชาชนในปีนังเรื่อยมาตราบจนถึงปัจจุบัน | |
3.วัดพม่า หรือวัดธรรมมิการาม เป็นวัดพม่าเพียงวัดเดียวในปีนัง นับเป็นอีกวัดหนึ่งที่มีบรรยากาศสงบ ให้ความรู้สึกร่มเย็นจิตใจได้ไม่แพ้กัน เพียงแค่ข้ามมาอีกฝั่งของถนนจากวัดไชยมังคลาราม นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสศิลปะการตกแต่งรวมถึงสักการะองค์พระประธานที่มีลักษณะเฉพาะแบบพม่าเพื่อเป็นสิริมงคลได้เช่นกัน สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1803 (พ.ศ. 2346) เดิมวัดชื่อ Nandy Moloh Burmese Temple สำหรับประวัติของวัด ได้มีบันทึกว่า เดิมที่ดินผืนนี้ถูกครอบครองคนอังกฤษ ชื่อ George Layton จากนั้นถูกขอซื้อโดยชาวพม่านาม Nonya Betong ในราคา 360 ดอลลาห์สเปน ผู้ถือครองอุทิศบางส่วนของที่ดินผืนนี้ เพื่อสำหรับสร้างวัด | |
เที่ยง | บริการอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหาร (ทัวร์บริการมื้อที่1) |
บ่าย | พาทุกท่านไปถ่ายรูปและชม 4. ป้อมปืนคอนวอลิส ถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของเมืองที่มีความน่าสนใจทางประวัติศาสตร์มากที่สุดในย่านจอร์จทาวน์ ตัวป้อมปราการตั้งอยู่ติดกับเอสพลานาด ถัดจากหอนาฬิกาวิกตอเรียเมโมเรียล กำแพงป้อมสูงประมาณ 10 ฟุต เป็นรูปดาว สร้างขึ้นโดยชาวดัตช์ในปี ค.ศ. 1603 ที่น่าสนใจก็คือ ชาวท้องถิ่นบางคนเชื่อว่า ปืนใหญ่ศรีรัมไบ ให้คุณต่อหญิงผู้ต้องการมีบุตร ปัจจุบัน ป้อมปราการแห่งนี้เป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่บริหารจัดการโดยเอกชน และได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยว |
5.ปีนังอาร์ตสตรีท รัฐปีนัง เป็น 1 ใน 13 รัฐ ของประเทศมาเลเซีย มีเมืองหลวงชื่อ จอร์จทาวน์ นอกจากเป็นเป็นเมืองหลวงแล้ว จอร์จทาวน์ยังได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโกเป็นเมืองมรดกโลกคู่กับเมืองมะละกา เมื่อปี พ.ศ. 2551 อีกด้วย นั่นก็เพราะจอร์จทาวน์เป็นเมืองที่ยังคงรักษาวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมที่งดงามไว้ได้อย่างครบถ้วน โดยเฉพาะอาคารบ้านเรือนไสตล์โคโลเนียล ชิโน-โปรตุกีส นอกจากอาคารบ้านเรือนสวยงามแล้ว จอร์จทาวน์ยังมีไฮไลท์สำคัญคือ ภาพวาดสตรีทอาร์ต (Street Art) ที่มีชมกันแทบจะทุกหัวถนนราวกับ Open Air Gallery โดยภาพวาดเด่นๆ จะเป็นผลงานของ เออร์เนสต์ ซาชาเรวิก (Ernest Zacharevic) ศิลปินชาวลิทัวเนีย ที่ถ่ายทอดความเป็นความเป็นเอเชียสะท้อนวิถีชีวิตของชาวปีนัง ผ่านภาพวาดเพิ่มสีสันสร้างเสน่ห์ให้จอร์จทาวน์เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้นในหมู่นักท่องเที่ยว ภาพวาดสตรีทอาร์ตที่เป็นที่รู้จักของนักเที่ยวส่วนส่วนใหญ่จะวาดในแบบ 3 มิติ พบเห็นได้ที่ริมกำแพงข้างถนน โดยวาดภาพสร้างสรรค์ไอเดียเพิ่มเรื่องราวเข้าไปในองค์ประกอบหลักของสิ่งแวดล้อมเดิม เช่น ประตู หน้าต่าง ได้อย่างกลมกลืน | |
ค่ำ | บริการอาหารค่ำ ณ ร้านอาหาร (ทัวร์บริการมื้อที่ 2) |
พัก | พาท่านเข้าพักที่ Cititel Express Penang หรือเทียบเท่า |
วันที่สอง | ปีนัง-ปีนังฮิลล์-บะกุ๊ตเต๋-เบตง-ไปรษณีย์-อุโมงค์มงคลฤทธิ์-เบตงอาร์ทสตรีด-หอนาฬิกาเบตง |
07.00 น. | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม (ทัวร์บริการมื้อที่ 3) |
08.00 น. | พาท่านเดินทางสู่ ปีนังฮิลล์ (Penang Hill) (ยังไม่รวมค่าเข้าชมประมาณ 30-35 ริงกิต) หรือที่ภาษามาเลย์ เรียกว่า บูกิต เบนดารา (Bukit Bemdara) เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมท่องเที่ยวที่น่าสนใจ โดยปีนังฮิลล์นั้นอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 830 เมตร และถือว่าเป็นจุดสูงสุดของเกาะปีนังอีกด้วย ปัจจุบันปีนังฮิลล์ เป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวเมืองที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะวิวทิวทัศน์ของตัวเมืองรวมไปถึงเกาะปีนังแบบแบบกว้างไกลสุดสายตา นั่นจึงทำให้บริเวณนี้ เป็นมุมดีที่สุดในการถ่ายภาพตัวเมืองจอร์จทาวน์ |
แวะ | เลือกซื้อของฝากที่ ร้านบะกุ๊ตเต๋ปีนัง ซึ่งท่านสามารถเลือกซื้อของฝากได้ตามอัธยาศัย |
10.00 น. | พาท่านเดินทางสู่ ด่านบูเก็ตบือราเป็ต เป็นด่านระหว่างมาเลเซียและเบตงฝั่งประเทศไทย |
เมื่อ | ผ่านด่านมายังฝั่งไทย แวะถ่ายรูปที่ ป้ายใต้สุดแดนสยาม ซึ่งมีป้ายที่เป็นสัญญาลักษณ์ทางใต้สุดของประเทศไทยให้ท่านถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก |
เที่ยง | บริการอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหาร (ทัวร์บริการมื้อที่ 4) |
บ่าย | พาทุกท่านเดินทางต่อสู่ ย่านเมืองเบตง และแวะชมพร้อมทั้งถ่ายรูปที่แลนด์มาร์คแรกของเมืองเบตง นั้นก็คือ อุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์ ซึ่งเป็นอุโมงค์แห่งเดียวในประเทศไทยที่รถยนต์สามารถหลอดผ่านอุโมงค์ได้ ตกตอนกลางคืนมีการประดับประดาดวงไฟสีสรรสวยงามแปลกตาดีครับ และใกล้ๆกัน ผ่านชมหอนาฬิกาเบตง พร้อมทั้งแวะถ่ายรูปที่ รูปปั้นไก่เบตง และอาร์ตสตรีดเบตงตามมุมตึกที่สวยงามมากๆ พาท่านชม ตู้ไปรษณีย์เบตง ซึ่งเป็นตู้ปีษณีย์ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย |
ค่ำ | บริการอาหารค่ำ ณ ร้านอาหาร (ทัวร์บริการมื้อที่ 5) |
พัก | เข้าพัก ณ Grand Mandarin Betong Hotel หรือ ตามตกลง |
วันที่สาม | ป้าย OK.เบตง-สนามบินเบตง-บ่อน้ำพุร้อนเบตง-สวนหมื่นบุปผา-สะพานแตปูซู-ร้านเฉาก๋วย กม.4-อุโมงค์ปิยมิตร |
07.00 น. | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม (ทัวร์บริการมื้อที่ 6) |
09.00 | เดินทางต่อไปยัง ป้าย OK.Betong ซึ่งเป็นอีกหนึ่งป้ายสัญญาลักษณ์และนักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปเพื่อไปลงโซเซี่ยวกัน |
และเมื่อได้เวลาที่เหมาะสมพาคณะไปชม สนามบินเบตง ซึ่งเป็นสนามบินขนาดเล็กกลางหุบเขาที่สวยที่สุด และมีการตกแต่งสนามบินที่เป็นเอกลักษณ์ของภาคใต้ รับประกันท่านจะได้ถ่ายรูปมุมสวยๆมากมาย | |
เมื่อได้เวลาที่เหมาะสมพาคณะเดินทางต่อสู่ สวนหมื่นบุปผา ซึ่งเป็นสวนไม้ดอกเมืองหนาวที่มีดอกไม้และต้นไม้เมืองหนาวให้ท่านชมอย่างไม่รู้เบื่อ มีจุดถ่ายรูปสวยๆ ที่ปรับเปลี่ยนไปตามเทศกาลของดอกไม้ท่ามกลางอากาศที่เย็นสบาย | |
เที่ยง | บริการอาหารเที่ยง ณ ร้านอาหาร (ทัวร์บริการมื้อที่ 7) เมนูพิเศษ ปลานิลสายน้ำไหล |
13.00 น. | จากนั้นเดินทางต่อไปยัง อุโมงค์ปิยมิตร เป็นอุโมงค์ประวัติศาสตร์ของการรบของคอมมิวนิสต์มลายา สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2519 ตั้งอยู่บ้าน ปิยะมิตร ตำบลตะเนาะแมเราะ อำเภอเบตง จังหวัดยะลา มีความยาวของอุโมงค์ประมาณ 1 กิโลเมตร แต่ก่อนมีทาง ออก 9 ทาง แต่ปัจจุบันเหลือเพียง 6 ทาง |
จากนั้น | พาท่านเดินทางต่อไปยัง สะพานแตปูซู เป็นสะพานแขวนแบบพื้นไม้ ตั้งอยู่ ระหว่าง ที่ทำการดับเพลิง อบต.อัยเยอร์เวง กับที่ทำการผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 2 บ้าน กม.32 ตำบลอัยเยอร์เวง อำเภอเบตง จังหวัดยะลา มีความกว้าง 1.8 เมตร ยาวกว่า 100 เมตร ข้ามแม่น้ำปัตตานี สร้างมาตั้งแต่สมัยอดีตกำนันตำบลอัยเยอร์เวง นายมูเซ็ง แตปูซู บิดาของนายมนเทียร แตปูซู กำนันตำบลอัยเยอร์เวง (เกษียณปี 2560 บิดาของนายอัครเดช แตปูซู ผู้ใหญ่บ้าน กม.32 คนปัจจุบัน) |
15.30 น. | แวะรับประทาน เฉาก๋วย กม.4 (ยังไม่รวมในค่าทัวร์) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์สำหรับท่านที่มาเที่ยวเบตงควรมาลองชิมเฉาก๋วยในตำนานร้านนี้ |
16.00 น. | ใกล้ๆกันพาท่านไปชม บ่อน้ำพุร้อนเบตง ซึ่งเป็นจุดบำบัดร่างกายโดยการแช่เท้าของนักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วๆไป |
เมื่อ | ได้เวลาที่เหมาะสมพาคณะเดินทางกลับเข้าสู่ ตัวเมืองเบตง |
ค่ำ | บริการอาหารค่ำ ณ ร้านอาหาร (ทัวร์บริการมื้อที่ 8) |
พัก | เข้าพัก ณ Grand Mandarin Betong Hotel หรือ ตามตกลง |
วันที่สี่ | ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง-จุดชมวิวสะพานเขื่อนบางลาง-วัดช้างไห้-ศาลเจ้าแม่ลิ่มกอเหนี่ยว -สนามบินหาดใหญ่ |
04.00 น. | ทุกท่านมาพร้อมกันที่ล๊อบบี้โรงแรมเพื่อเตรียมตัวไปชมทะเลหมอก |
04.30 น. | พาทุกท่านเดินทางสู่ Skywalk อัยเยอร์เวง ซึ่งเป็นจุดชมทะเลหมอกอันโด่งดัง ที่ใครๆมาเที่ยวเบตงก็ต้องมาชมทะเลหมอกที่นี่ |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม (ทัวร์บริการมื้อที่ 9) |
08.00 น. | พาท่านเดินทางสู่ พาคณะเดินทางต่อสู่ จุดชมวิวสะพานเขื่อนบางลาง หรือที่ชาวยะลาเรียกกันว่า สะพานโต๊ะกูแซ ซึ่งเป็นจุดชมวิวทะเลสาปและภูเขาได้ 360 องศา |
แวะ | พาคณะเดินทางสู่ วัดช้างให้ เป็นวัดเก่าแก่สร้างมาแล้วกว่า 300 ปี ตามตำนานกล่าวว่า พระยาแก้มดำเจ้าเมืองไทรบุรี ต้องการหาชัยภูมิสำหรับสร้างเมืองใหม่ให้กับน้องสาว จึงได้เสี่ยงอธิฐาน ปล่อยช้างให้ออกเดินทางไปในป่า โดยมีเจ้าเมืองและไพร่พลเดินติดตามไป จนมาถึงวันหนึ่ง ช้างได้หยุดอยู่ ณ ที่แห่งหนึ่ง แล้วร้องขึ้นสามครั้ง พระยาแก้มดำจึงได้ถือเป็นนิมิตที่ดี จะใช้บริเวณนั้นสร้างเมือง แต่น้องสาวไม่ชอบ พระยาแก้มคำจึงให้สร้างวัด ณ บริเวณดังกล่าวแทน แล้วให้ชื่อว่า วัดช้างไห้ |
เที่ยง | บริการอาหารเที่ยง ณ ร้านอาหาร (ทัวร์บริการมื้อที่ 10) |
บ่าย | ออกเดินทางจากสนามบินหาดใหญ่สู่ ปัตตานี ไปยังจุดแรกของทริป คือ 1.ศาลเจ้าแม่ลิ่มกอเหนี่ยว เป็นศาลเจ้าเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองของ จ.ปัตตานีมาตั้งแต่โบราณ ตั้งอยู่ที่ถนนอาเนาะรู อำเภอเมือง ปัตตานี เดิมศาลเจ้านี้มีชื่อเรียกว่า "ศาลเจ้าซูก๋ง" ตามหลักฐานที่จารึกอยู่ในศาลเจ้า ตั้งขึ้นในปีปีพุทธศักราช 2117 ในรัชสมัยของสมเด็จพระมหาธรรมราชาแห่งกรุงศรีอยุธยา แม้ศาลเจ้านี้จะตั้งมาเก่าแก่นับได้หลายศตวรรษ แต่ด้วยบุญญาภินิหารของเจ้าแม่หลิมกอเหนี่ยว ศาลเจ้านี้จึงมีความเจริญรุ่งเรืองและเป็นที่ศรัทธาของสาธุชนเสมอมามิได้ขาด 2.บ้านขุนพิทักษ์รายา ตั้งอยู่ในย่านหัวตลาดหรือย่านตลาดจีน ถนนปัตตานีภิรมย์ จังหวัดปัตตานี ซึ่งมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์การตั้งถิ่นฐานของชาวไทยเชื้อสายจีนในพื้นที่จังหวัดปัตตานีและเป็นภาพสะท้อน ความเจริญรุ่งเรืองของย่านนี้ |
15.00 น. | เดินทางจากยะลาสู่ หาดใหญ่ |
18.00 น. | พาคณะเดินทางสู่สนามบินหาดใหญ่ |
ตามเวลา | ส่งคณะที่สนามบินหาดใหญ่ หรือจุดนัดหมายเดินทางกลับต่อไป |
|
ราคาทัวร์ต่อท่าน |
จำนวนผู้เดินทาง |
รถที่ใช้ |
อาหาร |
ราคาต่อท่าน |
8-10 ท่าน |
รถตู้ VIP |
10 มื้อ |
7,888 บาท |
ราคาที่เห็นรวมแล้วดังนี้ |
1.ค่ารถตู้ VIP นำเที่ยวตามโปรแกรม พร้อม Driver Guide พาเที่ยว 2.ค่าที่พัก 3 คืน ตามที่ระบุ 3.ค่าอาหาร 10 มื้อ ตามโปรแกรมทัวร์ 4.ค่าเข้าชมอุโมงค์ปิยมิตร สวนหมื่นบุปผา ค่ารถขึ้นลงชมทะเลหมอกอัยเยอร์เวง 5.ค่าประกันอุบัติเหตุระหว่างการเดินทาง วงเงินสูงสุด 1,000,000 บาท 6.น้ำดื่มแจก 1 ขวดต่อวัน |
ค่าใช้จ่ายที่ยังไม่รวม |
1.การปฏิเสธการเข้าออกประเทศจากเจ้าหน้าที่รัฐทั้ง 2 ประเทศ 2.ค่าขึ้นลง ปีนังฮิลล์ก็ต้องการ 3.ค่าทิปไกด์ตามความพอใจ และเหมาะสม |
ทัวร์เบตง ปีนัง จองง่ายราคาถูกที่สุด ส่วนลดเยอะที่สุด |
|
|
|
ทัวร์เบตงราคาโปรโมชั่น โปรแกรมเดียวกันแต่จองกับเราถูกกว่า |
|
|
|
|
|
|
|
|
|